อินทิรา เจริญปุระ
This is my truth, Tell me yours...
ของ ทราย เจริญปุระ
มี 649 คนชอบรูปนี้
-
ความต่อบทสวยๆ; -
ความงดงามของชีวิตคือช่างมาล้างแอร์แล้ววววว | พี่ฟื้น(ช่างแอร์)คือดีย์ คือมาตรงเวลาตลอด | แต่เป็นผู้ชายคนเดียวที่กล้าคอมเมนต์ชั้น | 'คุณทราย หนังสือเยอะไปนะครับ นี่หนังสือมันเก็บฝุ่นนะ เป็นดาราคุณทรายต้องเก็บให้เรียบร้อยสิ' 555555; -
ร้อนก็ยิ้มมมมมมม #แม่นาก; -
พรุ่งนี้แล้วสินะคะ... cr:buibui&co; -
Into The Wild : คุณต้องใช้เวลาอย่างน้อย4วันเพื่อเดินเท้าจากเขตของเมืองที่ใกล้ที่สุดถึงจะมาตรงจุดนี้ได้ พื้นที่ป่ากว้างใหญ่และเดียวดายในเขตอะแลสกา สิ่งแปลกปลอมจากธรรมชาติกลางพื้นที่นี้คือรถบัสแฟร์แบงส์หมายเลข142ที่ถูกจอดทิ้งไว้เพื่อเป็นที่พักคนงานในยุคบุกเบิกเมื่อปี1963 คริส แมคแคนด์เลสตายในรถบัสคันนี้ ในฐานะเป็นคนรักสบายมาตลอดชีวิต ฉันไม่มีวันเข้าใจเสียงเพรียกหาของธรรมชาติกว้างใหญ่ภายนอก แม้ในตอนที่ยังรุ่นกว่านี้ก็ไม่เคย ได้แต่นับวันนับคืนรอการเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง เพื่อจะได้พ้นจากกฏเกณฑ์บางอย่างที่แม่ตั้งขึ้นมาก็แค่นั้น(ได้นอนตื่นสายๆและอ่านหนังสือในห้องส่วนตัว เป็นต้น)ไม่เคยมองไกลออกไปถึงริมหุบเขาเดียวดาย หรือขึ้นไปนอนเตนท์สัมผัสธรรมชาติ ความงามของเราคือความสบาย ไม่ใช่ความโดดเดี่ยว การท่องเที่ยวของเราคือได้นอนโรงแรมที่มีห้องพักและห้องน้ำดีๆแบบไม่ต้องแชร์ห้องกับใคร อยากอยู่คนเดียวหรือ? ล๊อคห้องและอ่านหนังสือสิ เราไม่เคยแม้แต่จะคิดถึงการออกไปปลูกผักปลูกหญ้ากินในวัยปลาย ไม่คิดจะทำสวนทำไร่ไปเงียบๆเพื่อหนีจากเมือง ไม่มี ไม่เคย ดังนั้นสิ่งที่คริสทำดูแทบจะเป็นเรื่องเข้าใจไม่ได้เลยสำหรับเรา คนหนุ่มในครอบครัวที่ดี เรียนดี จะทิ้งทุกอย่างและออกเดินทางไกล อาศัยพึ่งพิงจากผู้พบกันผ่านทางบางคน และเก็บกินแต่จากธรรมชาติเท่านั้น ในหนังสือพูดถึงปมครอบครัวของคริสเหมือนกัน แต่ฉันก็รู้สึกว่าครอบครัวไหนๆก็ย่อมมีปัญหา การถอยออกมาจากทุกอย่างไม่ช่วยอะไร เราแค่ไกลจากมันขึ้น แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของเราอยู่ดี จะบอกยังไงดี, เราทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจคริสในเวลาเดียวกัน เราเข้าใจในความเยาว์วัยของเขา ความรู้สึกว่าชีวิตเรายังอีกยาวไกล สิ่งที่เรียกว่าความประมาทสำหรับคนแก่ๆอย่างเราคือสิ่งที่เรียกว่าความมั่นใจและท้าทายของเขา โลกนั้นเป็นมิตรเสมอในสายตาผู้เยาว์ ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่เกินไปกว่าการได้ลงมือทำ คริสคงอยากได้คำตอบอะไรสักอย่าง ซึ่งเราว่าเขาก็ได้แล้วนะ เพียงแต่ไม่มีโอกาสกลับมาบอกใครเท่านั้นเอง ไม่รู้ว่ะ มนุษยชาติอาจเป็นหนี้บุญคุณนักบุกเบิกผู้มีจิตวิญญาณแบบคริสนี่แหละ แต่คงต้องเป็นนักบุกเบิกชนิดที่มีความรอบคอบสักนิด บวกโชคอีกสักหน่อยน่ะ ไม่งั้นไอ้คนขี้ขลาดอย่างเราก็คงได้แต่นั่งรออยู่ในถ้ำ คอยให้ผู้กล้ากลับมาบอกเสียทีว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร โดยไม่ได้รู้และไม่กล้าออกไปดูด้วย ว่าไอ้ผู้กล้านั่นโดนหมีตะปบตายห่าไปตั้งแต่หน้าถ้ำหรือเปล่า อยากให้อ่านกันอะ มันดี ดีแบบรบกวนจิตใจเลย ((ดูตัวอย่างหนังInto The Wild ได้ที่นี่ฮะ http://youtu.be/2LAuzT_x8Ek )) #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว;
-
อยากกินมาหลายวัน :); -
Mr. Mercedes : คลาดกันไปมากับเล่มนี้หลายที ตอนแรกจะซื้อก่อนงานหนังสือก็ยังไม่ออก พอได้ไปงานหนังสือบูทก็แน่นจนแทรกตัวเข้าไปไม่ไหว กว่าจะหมดงานกลับมาถึงหน้าร้านอีกทีเลยเพิ่งได้มา แต่ก็คุ้มนะ ห้าร้อยกว่าหน้านี่อ่านรวดเดียวจบไปเลย มาคราวนี้สตีเฟน คิง(ขอเรียกชื่อแบบที่คุ้นนะ)เขียนนิยายตำรวจนักสืบแฮะ ปกติไม่ค่อยเห็นคิงเขียนงานแนวนี้เท่าไหร่ คือตัวละครตำรวจน่ะมีทุกเรื่องแหละ มากบ้างน้อยบ้างว่ากันไป แล้วเล่มหลังๆก็ไปเน้นที่เรื่องคนธรรมดาที่มีพลังพิเศษ เจอเรื่องราวที่แฝงกลิ่นไอเหนือธรรมชาติซะเยอะ (ที่จริงแกก็มาแนวเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่ต้นๆน่ะเนอะ คละๆไปกับเรื่องสั้นคนธรรมดา) แต่พอมาเจอเล่มนี้เราเลยรู้สึกค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ที่คิงเขียนแบบเข้าขนบตำรวจนักสืบสวนไปเลยคือเก่งแต่ออกจะขวางโลกนิดๆ เคยติดเหล้า เกษียณ เจอคดีที่ออกจะเป็นเรื่องส่วนตัว เนี่ย สูตรป่ะล่ะ แต่คิงก็ไม่ได้เล่าแบบหาว่าใครทำนะ คือเขาบอกคนอ่านเลยว่า ไอ้นี่ทำ เรื่องของมันเป็นแบบนี้นะ เราคนอ่านเลยสนุกกับการลุ้นให้ตำรวจรู้ซักทีสิวะ ว่าไอ้นี่ทำ แต่คิงก็เขียนให้คนร้ายเก่งและอยู่ห่างจากวงจรผู้ต้องสงสัยได้ดีแหละ ไม่งั้นเราจะเบื่อนะ มีนิยายหลายเล่มทำแบบนี้ แล้วเราเบื่อมากเพราะรู้สึกว่าทำไมตำรวจโง่จัง แค่นี้ก็ไม่รู้ แต่เล่มนี้เราโอเคนะ บาลานส์น้ำหนักความกระชั้นชิดของการไล่สืบคดีได้กำลังดี ไม่ทิ้งตัวละครและไม่ทิ้งคนอ่านด้วย จริงๆถ้าทำเป็นหนังก็คงน่าสนใจเหมือนกัน บุคลิกตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี่มันจัดดี เอามารวมๆกันขึ้นจอคงสนุก ตัวร้ายมีเสน่ห์แบบป่วยๆ ตำรวจพังๆพร้อมผู้ช่วยที่ดูพังไม่แพ้กัน ก็ต้องนับว่าเป็นนิยายของคิง(ในยุคหลัง)ที่เราชอบเลยนะ ไม่ติดหวาน ไม่ติดแฟนตาซี ลดการบรรยายฉากลงและมาเน้นเกมแมวจับหนูของตำรวจและผู้ร้ายเป็นหลักจ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
ความบอร์ดเกม~ | บ๊งเบ๊งมันส์มาก 55555 #boardjockey #chinatown; -
สงกรานต์แบบเรา cr:the flow; -
สงกรานต์นี้Coffee•Treeเปิดวันที่13-14นะฮัฟ ขอหยุด15วันนึงเพราะร้านน้ำแข็งเค้าปิด 555555 | ใครว่างเชิญเด้อ ^^;
-
City of Veils : มีเล่มก่อนหน้านี้ออกมาแล้วเล่มนึง แต่เราไม่ได้ซื้อนะ มาซื้อเล่มนี้เลย สุ่มๆหยิบมาตอนงานหนังสือ แต่ก็น่าสนใจดี ย่อๆคือเกิดคดีฆาตกรรมในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ผู้ตายเป็นผู้หญิง พร้อมๆกับที่มีชายอเมริกันคนนึงหายไปจากบ้าน ทิ้งเมียชาวอเมริกันเช่นกันให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่กับบ้านแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ที่ว่าน่าสนใจเพราะเรื่องมันเกิดที่ซาอุฯนี่แหละ ที่ถึงแม้ในเมืองเกิดเหตุอย่างเจดดาห์จะเคร่งครัดน้อยกว่าริยาด แต่มันก็ส่งผลต่อวิธีทำงานของการสืบสวนอยู่ดี แน่นอนว่าผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้านได้ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ยังต้องขอความช่วยเหลือ/ร่วมมือจากผู้ชายอยู่ ซึ่งผู้ชายในเรื่องก็มีดีกรีความ'เคร่ง'แตกต่างกันออกไป ทั้งชายอเมริกันที่ชอบวิธีแบบซาอุฯ ทั้งตำรวจซาอุฯที่ยอมไปห้ามการทะเลาะของผู้หญิง(ทั้งที่ในทางความเชื่อไม่เอื้อให้ทำ) ส่วนผู้หญิงในเรื่องก็มีทั้งเคร่งแต่เปิดใจ กับมีท่าทางเหมือนจะเสรี แต่ก็ทำตัวไม่มีเกียรติอะ คดีในเรื่องเลยเป็นเหมือนเหตุผลแบบบางๆของการพยายามดิ้นรนปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อจำกัดอย่างมหาศาล รวมถึงวิถีที่เฉพาะตัวอย่างยิ่งของชาวซาอุฯด้วย ยอมรับว่าหลายทีก็ขัดใจว่า โอ๊ยยยยยย นี่เดินตามไปก็รู้เรื่องกันแล้วมั้ย แต่มันไม่ได้ไปอีก เมืองมันบังคับคนอยู่ ถือว่าเป็นรสชาติที่น่าสนใจของการอ่านหนังสือสืบสวนสอบสวนนะ ^^ #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
บ่นอยากกินเบอเกอร์คิง | เลยมีคนพามากินที่ดีกว่าคำบ่นอีก | กราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีค่า; -
กิจกรรมยามบ่าย | จัดยาให้แม่ | วันละ10เม็ด | ก็น่าให้แม่ลืมอยู่นะ 555 | ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวพี่ทรายจัดให้!!; -
Holiday~ | Zzzz... cr : buibui&co; -
The Circle : ขอแซงคิวเอาเล่มนี้มาบอกต่อก่อนเลย เผื่อใครมีแผนไปงานหนังสือ2วันสุดท้ายจะได้สอย สนุกอะ สนุกแบบน่ากลัวๆด้วย นี่อ่านรวดเดียวจบเลยเมื่อคืนนี้ เรื่องย่อคือ'เม'ได้เข้าไปทำงานกับองค์กรในฝันของใครหลายๆคนที่ชื่อ'เดอะ เซอร์เคิล' เป็นบริษัทที่ให้บริการแบบรวมทุกการใช้อินเตอร์เน็ต อีเมล โซเชียลมีเดีย บัญชีธนาคาร หรือเว็บอะไรก็ตามคือรวบตึงอยู่ในเซอร์เคิลหมด(ลองคิดถึงเฟซบุ๊คแบบรวบยอดอะ)เป็นบริษัทที่ดี สร้างความเป็นชุมชนในองค์กร ใส่ใจในคนทำงานมาก มากกกกกกกจนน่ากลัว เมต้องบอกทุกอย่าง เข้าร่วมทุกกิจกรรม แต่เธอก็เต็มใจนะ คือมันดูดีมาก เก๋ๆทันสมัย เธออยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เธออยากเป็นพวกเดียวกับเขา อยากได้รับการยอมรับ อ่านๆไปแล้วเหมือนเกาหลีเหนือแบบสีพาสเทลทันสมัยอะ หนังสือให้ฟีลแบบ'1984'ที่มีเฟซบุ๊ค การเข้ามารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ พูด คิดแบบที่เราเต็มใจให้ข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งมันเข้าใจได้ไม่ยากเลยในยุคที่ทุกคนใช้เฟซบุ๊ค(โอเค เฟซบุ๊คยังไม่เป็นBig Brotherอย่างเซอร์เคิลหรอก แต่ก็เกือบอยู่นะ ถ้าเราไม่ระวังตัว เผลอไผลไปกับมัน) ทำให้เราจินตนาการถึงความเป็น'เม'ในตัวเราได้อย่างง่ายๆ โลกที่ทุกข้อมูลของเราล่องลอยแบ่งปันกับทุกๆคน โดยที่เราเป็นคนเลือกที่จะบอกไปเอง หนังสือไม่ได้เล่าเรื่องโดยใช้ฉากอนาคตหรือโลกดิสโทเปียอะไรเลย เล่าแบบใช้ฉากหลังเป็นปัจจุบันนี่แหละ หนังสือจะได้เอาไปทำเป็นหนังด้วย นำแสดงโดยหนูเฮอร์ไมโอนี่กับพี่ทอม แฮงค์(เท่ากับว่า แฮงค์ได้เล่นหนังที่มาจากหนังสือของเอกเกอร์เป็นเรื่องที่2แล้ว เรื่องแรกคือA Hologram for The King (ซึ่งหนังสือมีแปลไทยเหมือนกันชื่อ'หัวใจไม่หยุดฝัน'))ดูตัวอย่างภาพยนตร์A Hologram..ได้ที่ลิงค์นี้ http://youtu.be/UW4OE1egbHs ส่วนThe Circleมีแต่ข่าวการสร้าง ยังไม่มีตัวอย่างมาจ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว;
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.