อินทิรา เจริญปุระ
This is my truth, Tell me yours...
ของ ทราย เจริญปุระ
มี 159 คนชอบรูปนี้
-
อยากกินมาหลายวัน :); -
Mr. Mercedes : คลาดกันไปมากับเล่มนี้หลายที ตอนแรกจะซื้อก่อนงานหนังสือก็ยังไม่ออก พอได้ไปงานหนังสือบูทก็แน่นจนแทรกตัวเข้าไปไม่ไหว กว่าจะหมดงานกลับมาถึงหน้าร้านอีกทีเลยเพิ่งได้มา แต่ก็คุ้มนะ ห้าร้อยกว่าหน้านี่อ่านรวดเดียวจบไปเลย มาคราวนี้สตีเฟน คิง(ขอเรียกชื่อแบบที่คุ้นนะ)เขียนนิยายตำรวจนักสืบแฮะ ปกติไม่ค่อยเห็นคิงเขียนงานแนวนี้เท่าไหร่ คือตัวละครตำรวจน่ะมีทุกเรื่องแหละ มากบ้างน้อยบ้างว่ากันไป แล้วเล่มหลังๆก็ไปเน้นที่เรื่องคนธรรมดาที่มีพลังพิเศษ เจอเรื่องราวที่แฝงกลิ่นไอเหนือธรรมชาติซะเยอะ (ที่จริงแกก็มาแนวเหนือธรรมชาติมาตั้งแต่ต้นๆน่ะเนอะ คละๆไปกับเรื่องสั้นคนธรรมดา) แต่พอมาเจอเล่มนี้เราเลยรู้สึกค่อนข้างเซอร์ไพรส์ ที่คิงเขียนแบบเข้าขนบตำรวจนักสืบสวนไปเลยคือเก่งแต่ออกจะขวางโลกนิดๆ เคยติดเหล้า เกษียณ เจอคดีที่ออกจะเป็นเรื่องส่วนตัว เนี่ย สูตรป่ะล่ะ แต่คิงก็ไม่ได้เล่าแบบหาว่าใครทำนะ คือเขาบอกคนอ่านเลยว่า ไอ้นี่ทำ เรื่องของมันเป็นแบบนี้นะ เราคนอ่านเลยสนุกกับการลุ้นให้ตำรวจรู้ซักทีสิวะ ว่าไอ้นี่ทำ แต่คิงก็เขียนให้คนร้ายเก่งและอยู่ห่างจากวงจรผู้ต้องสงสัยได้ดีแหละ ไม่งั้นเราจะเบื่อนะ มีนิยายหลายเล่มทำแบบนี้ แล้วเราเบื่อมากเพราะรู้สึกว่าทำไมตำรวจโง่จัง แค่นี้ก็ไม่รู้ แต่เล่มนี้เราโอเคนะ บาลานส์น้ำหนักความกระชั้นชิดของการไล่สืบคดีได้กำลังดี ไม่ทิ้งตัวละครและไม่ทิ้งคนอ่านด้วย จริงๆถ้าทำเป็นหนังก็คงน่าสนใจเหมือนกัน บุคลิกตัวละครแต่ละตัวในเรื่องนี่มันจัดดี เอามารวมๆกันขึ้นจอคงสนุก ตัวร้ายมีเสน่ห์แบบป่วยๆ ตำรวจพังๆพร้อมผู้ช่วยที่ดูพังไม่แพ้กัน ก็ต้องนับว่าเป็นนิยายของคิง(ในยุคหลัง)ที่เราชอบเลยนะ ไม่ติดหวาน ไม่ติดแฟนตาซี ลดการบรรยายฉากลงและมาเน้นเกมแมวจับหนูของตำรวจและผู้ร้ายเป็นหลักจ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
ความบอร์ดเกม~ | บ๊งเบ๊งมันส์มาก 55555 #boardjockey #chinatown; -
สงกรานต์แบบเรา cr:the flow; -
สงกรานต์นี้Coffee•Treeเปิดวันที่13-14นะฮัฟ ขอหยุด15วันนึงเพราะร้านน้ำแข็งเค้าปิด 555555 | ใครว่างเชิญเด้อ ^^;
-
City of Veils : มีเล่มก่อนหน้านี้ออกมาแล้วเล่มนึง แต่เราไม่ได้ซื้อนะ มาซื้อเล่มนี้เลย สุ่มๆหยิบมาตอนงานหนังสือ แต่ก็น่าสนใจดี ย่อๆคือเกิดคดีฆาตกรรมในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ผู้ตายเป็นผู้หญิง พร้อมๆกับที่มีชายอเมริกันคนนึงหายไปจากบ้าน ทิ้งเมียชาวอเมริกันเช่นกันให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่กับบ้านแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ที่ว่าน่าสนใจเพราะเรื่องมันเกิดที่ซาอุฯนี่แหละ ที่ถึงแม้ในเมืองเกิดเหตุอย่างเจดดาห์จะเคร่งครัดน้อยกว่าริยาด แต่มันก็ส่งผลต่อวิธีทำงานของการสืบสวนอยู่ดี แน่นอนว่าผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้านได้ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ยังต้องขอความช่วยเหลือ/ร่วมมือจากผู้ชายอยู่ ซึ่งผู้ชายในเรื่องก็มีดีกรีความ'เคร่ง'แตกต่างกันออกไป ทั้งชายอเมริกันที่ชอบวิธีแบบซาอุฯ ทั้งตำรวจซาอุฯที่ยอมไปห้ามการทะเลาะของผู้หญิง(ทั้งที่ในทางความเชื่อไม่เอื้อให้ทำ) ส่วนผู้หญิงในเรื่องก็มีทั้งเคร่งแต่เปิดใจ กับมีท่าทางเหมือนจะเสรี แต่ก็ทำตัวไม่มีเกียรติอะ คดีในเรื่องเลยเป็นเหมือนเหตุผลแบบบางๆของการพยายามดิ้นรนปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อจำกัดอย่างมหาศาล รวมถึงวิถีที่เฉพาะตัวอย่างยิ่งของชาวซาอุฯด้วย ยอมรับว่าหลายทีก็ขัดใจว่า โอ๊ยยยยยย นี่เดินตามไปก็รู้เรื่องกันแล้วมั้ย แต่มันไม่ได้ไปอีก เมืองมันบังคับคนอยู่ ถือว่าเป็นรสชาติที่น่าสนใจของการอ่านหนังสือสืบสวนสอบสวนนะ ^^ #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
บ่นอยากกินเบอเกอร์คิง | เลยมีคนพามากินที่ดีกว่าคำบ่นอีก | กราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีค่า; -
กิจกรรมยามบ่าย | จัดยาให้แม่ | วันละ10เม็ด | ก็น่าให้แม่ลืมอยู่นะ 555 | ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวพี่ทรายจัดให้!!; -
Holiday~ | Zzzz... cr : buibui&co; -
The Circle : ขอแซงคิวเอาเล่มนี้มาบอกต่อก่อนเลย เผื่อใครมีแผนไปงานหนังสือ2วันสุดท้ายจะได้สอย สนุกอะ สนุกแบบน่ากลัวๆด้วย นี่อ่านรวดเดียวจบเลยเมื่อคืนนี้ เรื่องย่อคือ'เม'ได้เข้าไปทำงานกับองค์กรในฝันของใครหลายๆคนที่ชื่อ'เดอะ เซอร์เคิล' เป็นบริษัทที่ให้บริการแบบรวมทุกการใช้อินเตอร์เน็ต อีเมล โซเชียลมีเดีย บัญชีธนาคาร หรือเว็บอะไรก็ตามคือรวบตึงอยู่ในเซอร์เคิลหมด(ลองคิดถึงเฟซบุ๊คแบบรวบยอดอะ)เป็นบริษัทที่ดี สร้างความเป็นชุมชนในองค์กร ใส่ใจในคนทำงานมาก มากกกกกกกจนน่ากลัว เมต้องบอกทุกอย่าง เข้าร่วมทุกกิจกรรม แต่เธอก็เต็มใจนะ คือมันดูดีมาก เก๋ๆทันสมัย เธออยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เธออยากเป็นพวกเดียวกับเขา อยากได้รับการยอมรับ อ่านๆไปแล้วเหมือนเกาหลีเหนือแบบสีพาสเทลทันสมัยอะ หนังสือให้ฟีลแบบ'1984'ที่มีเฟซบุ๊ค การเข้ามารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ พูด คิดแบบที่เราเต็มใจให้ข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งมันเข้าใจได้ไม่ยากเลยในยุคที่ทุกคนใช้เฟซบุ๊ค(โอเค เฟซบุ๊คยังไม่เป็นBig Brotherอย่างเซอร์เคิลหรอก แต่ก็เกือบอยู่นะ ถ้าเราไม่ระวังตัว เผลอไผลไปกับมัน) ทำให้เราจินตนาการถึงความเป็น'เม'ในตัวเราได้อย่างง่ายๆ โลกที่ทุกข้อมูลของเราล่องลอยแบ่งปันกับทุกๆคน โดยที่เราเป็นคนเลือกที่จะบอกไปเอง หนังสือไม่ได้เล่าเรื่องโดยใช้ฉากอนาคตหรือโลกดิสโทเปียอะไรเลย เล่าแบบใช้ฉากหลังเป็นปัจจุบันนี่แหละ หนังสือจะได้เอาไปทำเป็นหนังด้วย นำแสดงโดยหนูเฮอร์ไมโอนี่กับพี่ทอม แฮงค์(เท่ากับว่า แฮงค์ได้เล่นหนังที่มาจากหนังสือของเอกเกอร์เป็นเรื่องที่2แล้ว เรื่องแรกคือA Hologram for The King (ซึ่งหนังสือมีแปลไทยเหมือนกันชื่อ'หัวใจไม่หยุดฝัน'))ดูตัวอย่างภาพยนตร์A Hologram..ได้ที่ลิงค์นี้ http://youtu.be/UW4OE1egbHs ส่วนThe Circleมีแต่ข่าวการสร้าง ยังไม่มีตัวอย่างมาจ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว;
-
The Treatment : ชุด สารวัตรแจ๊ค แคฟเฟอรี อ่านเล่มที่แล้วฮีก็ดีนะ แต่แอบหงุดหงิดนิดหน่อยว่าลำไยจัง ทั้งปมส่วนตัวและปมของเมียสารวัตร คดีน่ะนิดนึงมึงจะรื้อสร้างรำพันอะไรกันมากมาย พอมาถึงเล่มนี้ยังมีความลำไยกับปมอดีตอยู่นั่นแหละ แต่มันพาไปไกลขึ้น มีจุดสะเทือนอารมณ์ซึ่งเราอ่านแล้วเศร้าว่ะ แอบคิดๆอยู่เหมือนกันว่าปมวัยเด็กของสารวัตรมันน่าจะมีคำตอบนะ แต่พอได้คำตอบจริงๆในเล่มนี้แล้วเศร้าเลย กลายเป็นเส้นเรื่องรองที่ว่าด้วยปมส่วนตัวในอดีต เด่นกว่าเส้นเรื่องหลักในการไขคดีที่เกิดขึ้นปัจจุบันไปอีก เราว่าคดีปัจจุบันมันดูโกงๆในการคลี่คลาย คือเหมือนจะลูกเล่นแต่ไม่เคลียร์เลย กลายเป็นคาใจเราไปอีก แต่ก็อย่างที่บอก, เส้นเรื่องรองลงตัว เอาตัวรอดไปได้ฉิวเฉียดค่ะ The Cabinet of Curiosities : ใครชอบฟีลนักสืบเชลยศักดิ์สไตล์เชอร์ลอค โฮล์มสหรือนักสืบคาแรคเตอร์จัดๆยุควิคตอเรียนน่าจะชอบตัวเพนเดอร์แกสต์ที่เป็นพระเอกนักสืบของเรื่องนี้นะ คือหรู บ้านรวย มีความลับในตระกูล พูดจีนได้ ดื่มชา มีความรู้ทางศิลปะอะไรงี้ เราว่าเรื่องมันฝันๆแฟนตาซีอยู่เหมือนกัน มีหลับตานั่งทางใน แต่ไม่ได้ใช้โคเคนอย่างโฮล์มสนะ ไม่สกปรกมอมแมม ดาวน์ ทู เอิร์ทอย่างนักสืบสมัยนี้คนอื่นๆ ไม่มีใส่เชิ้ตพับแขนเหงื่อซ่กอะ เพนเดอแกสต์ฮีนั่งโรลส์รอยส์ไปสืบคดีจ้า 5555 เล่มนี้เหมือนเป็นเล่มกลางๆของเซ็ทนะ ฝรั่งคงเขียนกันมาหลายเล่มแล้ว ในเรื่องก็มีอ้างถึงคดีก่อนๆอยู่ แต่อ่านเข้าใจไม่ยาก ได้อ่านคนเขียนบรรยายภาพนิวยอร์กสมัยก่อนก็เพลินดี สรุปคือ : ใครชอบเรื่องลุยๆซ่กๆ เชิญเล่มแรก ใครชอบแนวเนี้ยบๆทำเล็บมาอย่างดีเชิญเล่ม2จ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
Souls Embracing : เคยบอกไปว่าอ่านนิยายจีน(คือรวมๆจีน&ไต้หวันน่ะนะ)ยุคใหม่ไม่สนุกเลยว่ะ รู้สึกทำไมเราไม่จูนกับไอ้ที่เค้าฮิตๆกัน แปลมาจากนักเขียนในเว็บดังๆไรงี้ จนเกือบจะถอดใจแล้ว ก็มาเจอ'ลวง'เล่มนี้ ลองซื้อมา กะว่าถ้าไม่รอด ก็คงไม่เสี่ยงซื้ออีก รอดว่ะ รอดแบบดีไปเลยด้วย เรื่องก็ไม่ซับซ้อนอะไร นักเขียนดังคนหนึ่ง ไปเจอว่ามีบทความในอินเตอร์เน็ตที่ฟอร์เวิร์ดกันแบบโคตรฮิตลงชื่อว่าเค้าเป็นคนเขียน ทั้งที่เค้าไม่ได้เขียน แต่มันโคตรดังเลยนะ คนส่งต่อกันทั่วบ้านทั่วเมือง จากที่ปล่อยไปขำๆตอนแรกมันก็ไม่ขำแล้วไง แถมยังชักนำเอาเรื่องอีกสารพัดเข้ามาถึงตัวเค้าอีก คนเขียนเล่นกับจริยธรรมการเผยแพร่สื่อในยุคนี้ได้สนุกดี เราเป็นทั้งผู้กระทำและถูกกระทำในเวลาเดียวกัน ตัวร้าย(คือไม่รู้จะเรียกว่าอะไรอะ ไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก เอาเป็นว่าไม่ใช่พี่นักเขียนตัวนำของเราก็แล้วกัน)ก็ทั้งน่าสงสารและน่าด่าในเวลาเดียวกัน อีบทความที่เอามาเผยแพร่ก็ไม่ได้ดีประเสริฐอะไร เป็นข้อความให้กำลังใจเลี่ยนๆแบบที่เราเห็นคนแชร์ในเฟซอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ชวนให้เรานึกถึงเวลามีคนมาเถียงเรื่องความแท้ของชิ้นงานหลายๆชิ้นที่ซาบซึ้งอบอุ่นหัวใจกัน เวลาคนเถียงว่าก็มันดีนี่คะ ใครเขียนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องราวดีๆค่ะ ที่ฟังแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดว่ามันดีแต่มันไม่จริงโว้ยยยยยยย แต่ปัญหาคือคุณนักเขียนนี่ดันตามน้ำกับสถานการณ์ไปอย่างมึนๆเหมือนกัน ความชิบหาย(ที่ชวนให้นึกถึงMiseryของสตีเฟ่น คิงเบาๆ)ก็บังเกิด สนุก สนุกมากเลยสำหรับเรา คือตัวละครทุกตัวล้วนเป็นสีเทาแบบต่างเฉด ไม่ได้บอกว่าใครดีแต่เราก็อดเชียร์มันไม่ได้ อยากให้ลองอ่านกันจ้ะ #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
จบไปอีกสี่เล่ม | ขอถอนคำพูดเรื่องว่าไม่ชอบนักเขียนไต้หวันเลย เจอ'ลวง'อันนี้เข้าไป | ดีอะ ชอบ | เดี๋ยวค่อยมาเขียนยาวๆถึงทุกเล่มนะ; -
อเมริกาโน่ใส่ฟองนม | บลูเบอรี่ชีสเค้ก~ #coffeetree; -
อาหารเย็นวันนี้~~ | อยากลองตำมะยมอ่า;
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.