อินทิรา เจริญปุระ
This is my truth, Tell me yours...
ของ ทราย เจริญปุระ
มี 693 คนชอบรูปนี้
-
สงกรานต์แบบเรา cr:the flow; -
สงกรานต์นี้Coffee•Treeเปิดวันที่13-14นะฮัฟ ขอหยุด15วันนึงเพราะร้านน้ำแข็งเค้าปิด 555555 | ใครว่างเชิญเด้อ ^^; -
City of Veils : มีเล่มก่อนหน้านี้ออกมาแล้วเล่มนึง แต่เราไม่ได้ซื้อนะ มาซื้อเล่มนี้เลย สุ่มๆหยิบมาตอนงานหนังสือ แต่ก็น่าสนใจดี ย่อๆคือเกิดคดีฆาตกรรมในเมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย ผู้ตายเป็นผู้หญิง พร้อมๆกับที่มีชายอเมริกันคนนึงหายไปจากบ้าน ทิ้งเมียชาวอเมริกันเช่นกันให้อกสั่นขวัญแขวนอยู่กับบ้านแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ที่ว่าน่าสนใจเพราะเรื่องมันเกิดที่ซาอุฯนี่แหละ ที่ถึงแม้ในเมืองเกิดเหตุอย่างเจดดาห์จะเคร่งครัดน้อยกว่าริยาด แต่มันก็ส่งผลต่อวิธีทำงานของการสืบสวนอยู่ดี แน่นอนว่าผู้หญิงเริ่มออกมาทำงานนอกบ้านได้ แต่ก็ไม่ได้ราบรื่นนัก ยังต้องขอความช่วยเหลือ/ร่วมมือจากผู้ชายอยู่ ซึ่งผู้ชายในเรื่องก็มีดีกรีความ'เคร่ง'แตกต่างกันออกไป ทั้งชายอเมริกันที่ชอบวิธีแบบซาอุฯ ทั้งตำรวจซาอุฯที่ยอมไปห้ามการทะเลาะของผู้หญิง(ทั้งที่ในทางความเชื่อไม่เอื้อให้ทำ) ส่วนผู้หญิงในเรื่องก็มีทั้งเคร่งแต่เปิดใจ กับมีท่าทางเหมือนจะเสรี แต่ก็ทำตัวไม่มีเกียรติอะ คดีในเรื่องเลยเป็นเหมือนเหตุผลแบบบางๆของการพยายามดิ้นรนปฏิบัติหน้าที่ภายใต้ข้อจำกัดอย่างมหาศาล รวมถึงวิถีที่เฉพาะตัวอย่างยิ่งของชาวซาอุฯด้วย ยอมรับว่าหลายทีก็ขัดใจว่า โอ๊ยยยยยย นี่เดินตามไปก็รู้เรื่องกันแล้วมั้ย แต่มันไม่ได้ไปอีก เมืองมันบังคับคนอยู่ ถือว่าเป็นรสชาติที่น่าสนใจของการอ่านหนังสือสืบสวนสอบสวนนะ ^^ #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
บ่นอยากกินเบอเกอร์คิง | เลยมีคนพามากินที่ดีกว่าคำบ่นอีก | กราบขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีค่า; -
กิจกรรมยามบ่าย | จัดยาให้แม่ | วันละ10เม็ด | ก็น่าให้แม่ลืมอยู่นะ 555 | ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวพี่ทรายจัดให้!!;
-
Holiday~ | Zzzz... cr : buibui&co; -
The Circle : ขอแซงคิวเอาเล่มนี้มาบอกต่อก่อนเลย เผื่อใครมีแผนไปงานหนังสือ2วันสุดท้ายจะได้สอย สนุกอะ สนุกแบบน่ากลัวๆด้วย นี่อ่านรวดเดียวจบเลยเมื่อคืนนี้ เรื่องย่อคือ'เม'ได้เข้าไปทำงานกับองค์กรในฝันของใครหลายๆคนที่ชื่อ'เดอะ เซอร์เคิล' เป็นบริษัทที่ให้บริการแบบรวมทุกการใช้อินเตอร์เน็ต อีเมล โซเชียลมีเดีย บัญชีธนาคาร หรือเว็บอะไรก็ตามคือรวบตึงอยู่ในเซอร์เคิลหมด(ลองคิดถึงเฟซบุ๊คแบบรวบยอดอะ)เป็นบริษัทที่ดี สร้างความเป็นชุมชนในองค์กร ใส่ใจในคนทำงานมาก มากกกกกกกจนน่ากลัว เมต้องบอกทุกอย่าง เข้าร่วมทุกกิจกรรม แต่เธอก็เต็มใจนะ คือมันดูดีมาก เก๋ๆทันสมัย เธออยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร เธออยากเป็นพวกเดียวกับเขา อยากได้รับการยอมรับ อ่านๆไปแล้วเหมือนเกาหลีเหนือแบบสีพาสเทลทันสมัยอะ หนังสือให้ฟีลแบบ'1984'ที่มีเฟซบุ๊ค การเข้ามารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำ พูด คิดแบบที่เราเต็มใจให้ข้อมูลด้วยตัวเอง ซึ่งมันเข้าใจได้ไม่ยากเลยในยุคที่ทุกคนใช้เฟซบุ๊ค(โอเค เฟซบุ๊คยังไม่เป็นBig Brotherอย่างเซอร์เคิลหรอก แต่ก็เกือบอยู่นะ ถ้าเราไม่ระวังตัว เผลอไผลไปกับมัน) ทำให้เราจินตนาการถึงความเป็น'เม'ในตัวเราได้อย่างง่ายๆ โลกที่ทุกข้อมูลของเราล่องลอยแบ่งปันกับทุกๆคน โดยที่เราเป็นคนเลือกที่จะบอกไปเอง หนังสือไม่ได้เล่าเรื่องโดยใช้ฉากอนาคตหรือโลกดิสโทเปียอะไรเลย เล่าแบบใช้ฉากหลังเป็นปัจจุบันนี่แหละ หนังสือจะได้เอาไปทำเป็นหนังด้วย นำแสดงโดยหนูเฮอร์ไมโอนี่กับพี่ทอม แฮงค์(เท่ากับว่า แฮงค์ได้เล่นหนังที่มาจากหนังสือของเอกเกอร์เป็นเรื่องที่2แล้ว เรื่องแรกคือA Hologram for The King (ซึ่งหนังสือมีแปลไทยเหมือนกันชื่อ'หัวใจไม่หยุดฝัน'))ดูตัวอย่างภาพยนตร์A Hologram..ได้ที่ลิงค์นี้ http://youtu.be/UW4OE1egbHs ส่วนThe Circleมีแต่ข่าวการสร้าง ยังไม่มีตัวอย่างมาจ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
The Treatment : ชุด สารวัตรแจ๊ค แคฟเฟอรี อ่านเล่มที่แล้วฮีก็ดีนะ แต่แอบหงุดหงิดนิดหน่อยว่าลำไยจัง ทั้งปมส่วนตัวและปมของเมียสารวัตร คดีน่ะนิดนึงมึงจะรื้อสร้างรำพันอะไรกันมากมาย พอมาถึงเล่มนี้ยังมีความลำไยกับปมอดีตอยู่นั่นแหละ แต่มันพาไปไกลขึ้น มีจุดสะเทือนอารมณ์ซึ่งเราอ่านแล้วเศร้าว่ะ แอบคิดๆอยู่เหมือนกันว่าปมวัยเด็กของสารวัตรมันน่าจะมีคำตอบนะ แต่พอได้คำตอบจริงๆในเล่มนี้แล้วเศร้าเลย กลายเป็นเส้นเรื่องรองที่ว่าด้วยปมส่วนตัวในอดีต เด่นกว่าเส้นเรื่องหลักในการไขคดีที่เกิดขึ้นปัจจุบันไปอีก เราว่าคดีปัจจุบันมันดูโกงๆในการคลี่คลาย คือเหมือนจะลูกเล่นแต่ไม่เคลียร์เลย กลายเป็นคาใจเราไปอีก แต่ก็อย่างที่บอก, เส้นเรื่องรองลงตัว เอาตัวรอดไปได้ฉิวเฉียดค่ะ The Cabinet of Curiosities : ใครชอบฟีลนักสืบเชลยศักดิ์สไตล์เชอร์ลอค โฮล์มสหรือนักสืบคาแรคเตอร์จัดๆยุควิคตอเรียนน่าจะชอบตัวเพนเดอร์แกสต์ที่เป็นพระเอกนักสืบของเรื่องนี้นะ คือหรู บ้านรวย มีความลับในตระกูล พูดจีนได้ ดื่มชา มีความรู้ทางศิลปะอะไรงี้ เราว่าเรื่องมันฝันๆแฟนตาซีอยู่เหมือนกัน มีหลับตานั่งทางใน แต่ไม่ได้ใช้โคเคนอย่างโฮล์มสนะ ไม่สกปรกมอมแมม ดาวน์ ทู เอิร์ทอย่างนักสืบสมัยนี้คนอื่นๆ ไม่มีใส่เชิ้ตพับแขนเหงื่อซ่กอะ เพนเดอแกสต์ฮีนั่งโรลส์รอยส์ไปสืบคดีจ้า 5555 เล่มนี้เหมือนเป็นเล่มกลางๆของเซ็ทนะ ฝรั่งคงเขียนกันมาหลายเล่มแล้ว ในเรื่องก็มีอ้างถึงคดีก่อนๆอยู่ แต่อ่านเข้าใจไม่ยาก ได้อ่านคนเขียนบรรยายภาพนิวยอร์กสมัยก่อนก็เพลินดี สรุปคือ : ใครชอบเรื่องลุยๆซ่กๆ เชิญเล่มแรก ใครชอบแนวเนี้ยบๆทำเล็บมาอย่างดีเชิญเล่ม2จ้า #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
Souls Embracing : เคยบอกไปว่าอ่านนิยายจีน(คือรวมๆจีน&ไต้หวันน่ะนะ)ยุคใหม่ไม่สนุกเลยว่ะ รู้สึกทำไมเราไม่จูนกับไอ้ที่เค้าฮิตๆกัน แปลมาจากนักเขียนในเว็บดังๆไรงี้ จนเกือบจะถอดใจแล้ว ก็มาเจอ'ลวง'เล่มนี้ ลองซื้อมา กะว่าถ้าไม่รอด ก็คงไม่เสี่ยงซื้ออีก รอดว่ะ รอดแบบดีไปเลยด้วย เรื่องก็ไม่ซับซ้อนอะไร นักเขียนดังคนหนึ่ง ไปเจอว่ามีบทความในอินเตอร์เน็ตที่ฟอร์เวิร์ดกันแบบโคตรฮิตลงชื่อว่าเค้าเป็นคนเขียน ทั้งที่เค้าไม่ได้เขียน แต่มันโคตรดังเลยนะ คนส่งต่อกันทั่วบ้านทั่วเมือง จากที่ปล่อยไปขำๆตอนแรกมันก็ไม่ขำแล้วไง แถมยังชักนำเอาเรื่องอีกสารพัดเข้ามาถึงตัวเค้าอีก คนเขียนเล่นกับจริยธรรมการเผยแพร่สื่อในยุคนี้ได้สนุกดี เราเป็นทั้งผู้กระทำและถูกกระทำในเวลาเดียวกัน ตัวร้าย(คือไม่รู้จะเรียกว่าอะไรอะ ไม่ใช่ผู้ร้ายหรอก เอาเป็นว่าไม่ใช่พี่นักเขียนตัวนำของเราก็แล้วกัน)ก็ทั้งน่าสงสารและน่าด่าในเวลาเดียวกัน อีบทความที่เอามาเผยแพร่ก็ไม่ได้ดีประเสริฐอะไร เป็นข้อความให้กำลังใจเลี่ยนๆแบบที่เราเห็นคนแชร์ในเฟซอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ชวนให้เรานึกถึงเวลามีคนมาเถียงเรื่องความแท้ของชิ้นงานหลายๆชิ้นที่ซาบซึ้งอบอุ่นหัวใจกัน เวลาคนเถียงว่าก็มันดีนี่คะ ใครเขียนมันก็ดีทั้งนั้นแหละ เป็นเรื่องราวดีๆค่ะ ที่ฟังแล้วก็ได้แต่หงุดหงิดว่ามันดีแต่มันไม่จริงโว้ยยยยยยย แต่ปัญหาคือคุณนักเขียนนี่ดันตามน้ำกับสถานการณ์ไปอย่างมึนๆเหมือนกัน ความชิบหาย(ที่ชวนให้นึกถึงMiseryของสตีเฟ่น คิงเบาๆ)ก็บังเกิด สนุก สนุกมากเลยสำหรับเรา คือตัวละครทุกตัวล้วนเป็นสีเทาแบบต่างเฉด ไม่ได้บอกว่าใครดีแต่เราก็อดเชียร์มันไม่ได้ อยากให้ลองอ่านกันจ้ะ #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว; -
จบไปอีกสี่เล่ม | ขอถอนคำพูดเรื่องว่าไม่ชอบนักเขียนไต้หวันเลย เจอ'ลวง'อันนี้เข้าไป | ดีอะ ชอบ | เดี๋ยวค่อยมาเขียนยาวๆถึงทุกเล่มนะ;
-
อเมริกาโน่ใส่ฟองนม | บลูเบอรี่ชีสเค้ก~ #coffeetree; -
อาหารเย็นวันนี้~~ | อยากลองตำมะยมอ่า; -
เรียบร้อยมาก | คุณประเทียบ; -
นักสืบแฮร์รี โฮล (The Snowman / The Redbreast) : ถ้าจะวัดกันจากสายอาชีพ นักสืบในนิยายคงเป็นอาชีพที่สูบบุหรี่กินเหล้าเยอะที่สุดแล้ว สารวัตรโฮลก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นักสืบนอกคอกผู้นี้สิงตัวอยู่ในบาร์มากกว่าอยู่ในสำนักงานเสียอีก นิยายนักสืบจากฝั่งสแกนดิเนเวียดูจะมีความเรื่อยๆร่วมกันบางอย่าง ชนิดที่อ่านแล้วสัมผัสได้ว่า'อ้าว ชาวสแกนนี่เอง' คือมันคงเป็นที่ระบบยุติธรรมหรือโครงสร้างองค์กรของเขา ที่ไม่ทำให้นักสืบเป็นพวกซิกแซกพลิกแพลง หรือโหมงานกันเป็นบ้าไปทั้งทีม เราจะได้เห็นการไล่ให้ทีมงานกลับบ้านไปนอนอยู่เรื่อยๆ และบ่อยครั้งการแยกตัวไปนอน/การไปมีชีวิตส่วนตัวนี่ก็เอื้อให้การสืบสวนออกมาอีกแบบที่ต่างจากนิยายสายเหยี่ยวอื่นๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่ามันอืดเอื่อยไม่เข้มข้น ปมปริศนาที่ถูกโยนมาในเรื่องอยู่ในระดับดี-ดีมาก ที่น่าสนใจคือหลายๆครั้งจะใช้ตัวละครที่เป็นคนแก่/เด็กหรือผู้หญิงมาเป็นตัวสำคัญ ซึ่งเราชอบอะ รู้สึกมนุษย์มันหลากหลายดี คนแก่มีปมมีปัญหาแบบคนแก่ เด็กก็มีแบบเด็กไรงิ 2เล่มนี้ เล่มRedbreastเขียนก่อน Snowmanมาทีหลัง ถ้าอ่อนไหวกับสปอยล์ต้องอ่านเรียงนะฮับ มันมีเส้นเรื่องของตัวละครที่ตายก่อนตายหลังกันอยู่ สนุกดีนะ สนุกแบบสแกนดิเนเวียน 5555 แต่ถ้าเอาถูกใจเรา(เอาเฉพาะชาวสแกนฯนะ) เรายังชอบคาแรคเตอร์ของสารวัตรวัลลันเดอร์(แฮนนิ่ง แมนเคล : สวีเดน)มากกว่า ดูพัง ดูอ่อนล้าดี ตามประสาชะนีชอบคนแก่ 55555555 #การรีวิวหนังสือคืองานอันโดดเดี่ยว ((เล่มRedbreast น้ำพุเคยพิมพ์มาก่อนแล้วนะคะ ในชื่อ'แกะรอยล่ายมทูตไร้เงาจ้า)); -
ข้าวกองดี ชีวิตดี~;
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.