อินทิรา เจริญปุระ
This is my truth, Tell me yours...
ของ ทราย เจริญปุระ
มี 676 คนชอบรูปนี้
-
ขอเป็นกำลังใจแด่ผู้ใช้บีทีเอสวันนี้ทุกท่านฮะ ^^" cr : Champ Teepagorn; -
#FightClub; -
สวัสดีวันหยุดยาว~ | ใครมีแผนไปเที่ยวไหนกันมั่งฮะ | ถ้าว่างๆมาที่Coffee•Treeกัน | เรามีอัลมอนด์ คอฟฟี่เค้ก มีไวท์ชอคเค้ก แล้วก็สตอเบอรี่ชอตเค้กไว้รอนะ :)); -
หิวกันยังงงงง | ยำขนมจีนปลาทูน่าฟูมั้ยจ๊ะ | แซ่บๆนัวๆด้วยน้ำยำแบบปรุงด้วยน้ำปลาร้าเบาๆ | หนึบเส้นหนมจีน และแถมกรอบกรุบๆกับปลาทูน่าฟู | อร่อยง่ายๆ รอดูได้ใน #อร่อยสร้างภาพ นะ ^^; -
Carol : เราดูเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกอึดอัดพอสมควร มันไม่ง่ายเลยสำหรับใครซักคน หนังว่าด้วยผู้หญิงต่างฐานะและต่างวัย2คน ตกหลุมรักกันเมื่อแรกสบตา และท่ามกลางปัญหาของอีกฝ่ายหนึ่ง เธอทั้งสองออกเดินทางระยะสั้นๆไปด้วยกัน ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นคนไม่ชอบหนัง/หนังสือรัก (โดยเฉพาะ'รัก'แบบนิโคลัส สปาร์ค) เราอึดอัดกับการไปร่วมรับรู้ความหวานแหววหรือความฟูมฟายชีวิตของแต่ละคู่ คือมันน่ากระอักกระอ่วนสำหรับเรา ในความเป็นคนขี้กลัวและไม่เชื่อถือในความสัมพันธ์ เพราะมันมักจะรับประกันความเจ็บปวดแบบที่เราไม่อยากแตะต้อง หนังเรื่องนี้ทำให้เราทึ่งกับความกล้าแบบที่เราไม่มีน่ะ ลองนึกถึงเรื่องในด้านสามีคาโรลสิ เขาจะทำความเข้าใจยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหน้า มันไม่เชิงเป็นเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งได้พบรักแท้ในตัวหญิงคนหนึ่งหลังจากเพียงสบตาครั้งแรก แต่เรากลับรู้สึกว่าทุกคนพยายามทำให้การสบตาครั้งนี้โรแมนติกทั้งๆที่มันมีแต่เรื่องยุ่งเหยิงและค้างคาใจ เราเลยดูมันด้วยความไม่สบายใจแบบนั้นน่ะ คือเรารู้สึกว่าบางทีคนก็ให้ค่ากับความโรแมนติกมากจนเกินไป มันไม่ได้แย่ แต่ชีวิตมันมีคนอื่นๆอีก แล้วมันก็เลยเศร้ามากที่เราเหมือนฟังความข้างเดียวจากฝ่ายหญิง เพราะเรารู้สึกว่าในตอนต้น เธอแทบยึดลูกไว้เป็นของตัวเอง(จากที่สามีถาม 'ลูกคงได้เจอแอ๊บบี้บ่อยล่ะสิ) ถ้าเรามองเรื่องนี้โดยใช้กรอบแบบมาตรฐานรักสามเส้า ฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งคือฝ่ายชายน่ะ การถูกคนที่เรารักทิ้งไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดมันก็ไม่ยุติธรรมทั้งนั้น ทำไมรักครั้งใหม่ถึงถูกทำให้ยิ่งใหญ่กว่ารักครั้งเก่าเสมอ ทั้งที่ตอนรักครั้งเก่ามันเริ่ม คุณก็เป็นคนทำให้มันเริ่มเอง แล้วทำไมพอจะจบถึงจบมันแบบค้างๆคาๆ เราชอบรูนีย์ มาราในหนังมากๆ เธออ่อนไหวและมืดมัวไปกับความสัมพันธ์ยิ่งใหญ่ครั้งนี้ในแบบสาวแรกรุ่นแรกรัก มีแต่คนที่ยังมีความเยาว์วัยในตัวมากขนาดนี้เท่านั้น ถึงจะเชื่อในความสัมพันธ์หลังสบตา และเราก็เชื่อว่าเธอเป็นแบบนั้นจริงๆ เคท แบลงเชตต์ดีเพราะคือเคท แบลงเชตต์ มันมีความนุ่มนวลและเจ็บปวดบางอย่างที่เธอแสดงออกมา ทำให้เราโทษตัวละครของเธอได้ไม่เต็มปาก หนังดี ดีในแบบหนังที่โรแมนติกจนทำให้เราไม่สบายใจ;
-
ใจร้าย!; -
ชื่นใจกันเป็นคู่ในวันแห่งความรัก | ยืมรูปจากคุณลูกค้าที่มาCoffee•Tree | แวะมากันได้นะ :)); -
Happy Meal!!! | อ่อมไก่กับหมูสามชั้นทอดน้ำปลา | ได้ข้าวเหนียวร้อนๆนะ หื้มมมมมม คือดีย์~~ | รอดูเร็วๆนี้ใน #อร่อยสร้างภาพ เนอะ ^^; -
มาละๆ ไปดูกัน | ตอนจบแย้ว~ :) #เรามีเรา #GMM25 #LoveSongLoveStory; -
คืนนี้ดูเรามีเรากันนะ | ตอนจบละ | 2ทุ่มจ้า ^^ #GMM25 #เรามีเรา | แคปชั่นไม่เกี่ยวกับรูป 555;
-
เตรียมตัวทำงาน | เอามาอ่านซ้ำ :); -
The Danish Girl : มันดีแบบเลี่ยนๆอะ คือเรื่องมันดีอยู่แล้ว(โหย ผู้ชายที่ค้นพบตัวเองเมื่อร้อยปีก่อนนี้น่ะ แกรนด์นะ) แต่วิธีที่เลือกเอามาเล่าเราว่ามันประดิษฐ์ประดอยมากๆ จนจะไม่ใช่หนังชีวิตมนุษย์อะ เหมือนเป็นโชว์อะไรซักอย่าง แต่อาจเป็นเพราะเราเองไม่จูนกับการเล่าเรื่องของผกก.คนนี้ก็ได้มั้ง มันเลยดูยุบยิบยุ่บยั่บต่อลูกไม้ปักเลื่อมวิ้งๆอะไรจนหนังชีวิตที่ควรจะเป็นหนังชีวิตที่เล่าด้วยน้ำเสียงเรียบๆได้ กลายเป็นหนังกะเทยคัม เอาท์แบบที่คนคิดว่ากะเทยควรเป็น ไม่ใช่แบบที่เห็นเขาเป็นคน ซึ่งทำให้เราดูแล้วอึดอัด เอดดี้ทำหน้าที่ตัวเองได้ดีงามแบบไม่ต้องสงสัยฝีมืออยู่แล้ว นำเสนอการตีโจทย์แบบละเอียดดี แต่เราว่ามันโดน'จ้อง'โดยกล้องและโดยเซ็ทอัพมากเกินไป คือมันดูจงใจไปหมดเลย แบบ--มาดูเร้ววววว คนนี้เล่นเป็นTransนะพวกเรา อลิเซีย วิกันเดอร์สก็--ดีน่ะ คือตัวผัวมาเบอร์นี้ เมียก็ต้องเล่นเบอร์นี้แหละ เรากลับชอบบทเมียของสตีเฟ่น ฮอว์กินส์มากกว่า(เฟลิซิตี้ โจนส์เล่นไว้) แต่เมียมันดู--ไม่รู้ดิ ดูจริง ดูอึดอัดคับข้องใจกว่านี้น่ะ สรุป เราผิดเองที่ควรจะอินมากกว่านี้แต่ไม่อิน 5555; -
#maryishappymaryishappy; -
ฟิน; -
The Revenant : ว่าด้วยการบำเพ็ญทุกรกิริยาของพี่ลีโอ อยากรู้ว่าต้องใช้ความเชื่อใจกันเบอร์ไหน ถึงทำให้ดารามาร่วมแสดงในหนังที่มีข้อแม้ทะเยอทะยานขนาดนี้ได้ เข้าใจเลยว่าทำไมทอม ฮาร์ดี้มันเครียดขนาดที่ต้องขอบีบคอ ฟัดผู้กำกับบ้างเพื่อระบายอารมณ์ ว่าด้วยเรื่องของฮิวจ์ กลาส หัวหน้าทีมบุกเบิกงานค้าขนสัตว์(นึกภาพรพินทร์ ไพรวัลย์ในเมืองหนาวเอาเนาะ)ที่นำทริปไปแล้วประสบอุบัติเหตุฟัดกับหมี ลูกตาย แล้วเดินทางกลับเบสแคมป์เพื่อชำระแค้น(นี่ไม่สปอยล์ ดูตัวอย่างก็รู้หมดแล้ว) คือดูๆไปแล้วก็หนาวแทนพี่ลีโอ เป็นกูคงสติแตกตั้งแต่ถ่ายไปได้ซักครึ่งเรื่อง ความหนาวที่หลายๆคนเรียกร้อง อยากไปประสบพบเจอ ไม่ได้เป็นมิตรที่ดีสำหรับกองถ่าย คือเราชอบความหนาวเฉพาะเวลาที่เราได้ใส่ชุดอุ่น นอนอยู่บ้าน จิบกาแฟร้อนเก๋ๆหรือไปเที่ยวป๊อบแป๊บถ่ายรูป ไม่ใช่หนาวชิบหายแล้วต้องบำเพ็ญเพียร โดนหมีฟัด(ถึงจะเป็นหมีโมแคปก็เหอะ)แถกหน้าไปกับพื้น นอนน้ำลายฟูมปากใต้ผ้าห่มหนังสัตว์ หรือคลานไปบนพื้นหิมะอยู่ครึ่งเรื่องแบบพี่ลีโอ ต่อให้ทีมงานดูแลดียังไง แต่พอถึงเวลาถ่ายทำเราก็ต้องออกไปเดี่ยว ลากยาวแบบลองเทคน่ะ แค่คิดก็สยองแล้ว แต่นอกจากเรื่องความทะเยอทะยาน ใช้แต่แสงธรรมชาติ ลากคิวถ่ายออกไปเป็นเดือนๆ ถีบดาราเอลิสต์ของยุคไปตุปัดตุเป๋กลางหิมะแล้ว เราก็นึกไม่ออกว่าทำไมพี่ลีโอถึงควรจะได้ออสการ์จากบทนี้ มันเป็นงานโชว์ของสำหรับผู้กำกับและผู้กำกับภาพน่ะใช่ มันตื่นตาสำหรับคนดูก็ยังใช่ และโดยส่วนตัวเราว่าบทของทอม ฮาร์ดี้ในฐานะ'คนเลว'ก็น่าสนใจ ที่บทมันแบนมากๆ แต่ฮาร์ดี้ก็พยายามปลุกปล้ำให้ตัวละครมันน่าสนใจขึ้นมาจนได้ ทำให้เราเข้าข้างมันได้พอสมควรน่ะ ว่าไอ้ห่า ก็กูหนาว กูเหนื่อย กูอยากกลับบ้านนี่โว้ย แต่ในฐานะที่รักและติดตามพี่ลีโอมาตลอด จริงๆคิดว่าพี่ควรได้ออสการ์ตั้งแต่ตอนเล่นWhat's Eating Gilbert's Grapeแล้วด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันไม่ได้มันก็ไม่ได้ และยิ่งถ้ามาได้จากเรื่องนี้ยิ่งไม่ควร ปีที่แล้วบทพี่ควรได้ยิ่งกว่านี้อีก พี่ยังไม่ได้เลย แต่เอาจริงๆพี่ลีโออาจจะ 'แร้วงัยคัยแคร์'ก็ได้นะ กูแค่อยากทำงานนี้ สนุกดี อยากลองนั่นลองนี่ก็เป็นไปได้(นี่คิดอย่างดาราด้วยกันนี่แหละ) แต่ด้วยสังคมนี่โคตรจะบิ๊วพี่เหลือเกินว่าพี่ต้องได้ๆๆๆ ซึ่งเราว่าถ้าพี่ได้จากเรื่องนี้แม่งไม่สมศักดิ์ศรีพระเอกเจ้าแห่งเมียตายเอาเสียเลย เพราะอย่างที่รู้กันดี พระพุทธเจ้าไม่ได้พบทางหลุดพ้นด้วยการทรมานตนฉันใด พี่ลีโอก็ไม่น่าจะได้ออสการ์จากการอุทิศร่างกายในการตามหาลูกชายก็ฉันนั้น (ปีนี้อิชั้นเชียร์ฟาสเบนเดอร์ฮ่ะ);
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.