ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
Official Yingluck Shinawatra Instagram account
ของ ยิ่งลักษณ์
มี 0 คนชอบรูปนี้
-
เวลา 10.00 น. วันที่10 ตุลาคม 2556 นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ทิศทางการวิจัยของประเทศไทย ครั้งที่ 2 ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีชื่นชมผลการวิจัยของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และ เทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) การสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าวไทยที่สามารถทำวิจัยต่อยอดนวัตกรรม สร้างความหลากหลายและแตกต่างทางการตลาดได้อย่าง ข้าวออแกนิกส์เพื่อสุขภาพ น้ำข้าว โยเกิร์ตข้าว ไอศกรีมข้าว เป็นต้น โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับภาคเอกชน SMEs และ OTOP เพื่อเร่งพัฒนาให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันได้ทั้งในประเทศและเวทีโลก; -
วันนี้ (10 ตุลาคม 2556) เวลา 15.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น นางสาวยิ่งลักษณ์ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้พบหารือกับนายบัน คี มุน เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ ระหว่างประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ อาเซียน ที่กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม โดยเลขาธิการองค์การสหประชาชาติได้กล่าวชื่นชมโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรคของไทย เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่เริ่มมากว่า 10 ปี ในสมัยที่รายได้ต่อหัวของประชาชนยังอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก แต่ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจุบัน เพราะสามารถดูแลคนไทยทั้งประเทศได้ จึงอยากให้ประเทศไทยได้แบ่งปันความรู้ในการบริหารจัดการโครงการดังกล่าวให้กับประเทศต่างๆ เพื่อจะได้ให้บริการสุขภาพแก่ประชาชนได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการเตรียมหารือระดับสูงกับผู้นำชาติในอาฟริกาช่วงต้นปีหน้า คงจะได้มีการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์การการบริหารโครงการดังกล่าวให้กับประเทศในอาฟริกาไปปฏิบัติใช้ ขณะเดียวกันไทยยังได้ขยายความคุ้มครองการบริการสุขภาพไปยังแรงงานต่างด้าวอีกด้วย; -
09.35 น.เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน+ 3 (บวกสาม) ครั้งที่ 16 ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไน ดารุสซาลาม; -
12.45 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 16 ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไน ดารุสซาลาม; -
10.00 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไน ดารุสซาลาม;
-
นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติบรูไน #Yingluck arrived in #Brunei; -
10.00 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร่วมถ่ายภาพหมู่ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย; -
นายกรัฐมนตรีร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ร่วมกับผู้นำการประชุม APEC CEO Summit 2013 ณ บาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย; -
14.30 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีประชุมผู้นำช่วงแรก ในหัวข้อ"บทบาทของเอเปคในการสร้างเสริมระบบการค้าพหุพาคีในสภาวะเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน" (APEC'sRole in Strengthening the Multilateral Trading System in the Current Global Economic Situation); -
9.00 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีประชุมหารือระหว่างผู้นำ กับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (APEC Business Advisory Council Dialogue With Leaders);
-
16.10 น. เวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน; -
8.40 น. นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิไปยังท่าอากาศยานนานาชาติงูระห์ไรเมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นาเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 21 และการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 23 และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ณ บันดาร์เสรีเบกาวัน บรูไนดารุสซาลาม ระหว่างวันที่ 6-10 ตุลาคม 2556; -
ผลการหารือข้อราชการเต็มคณะวันนี้ (5 ตุลาคม 2556) ระหว่างนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรู ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ทันทีที่ความตกลง FTA ไทย-เปรู มีผลบังคับ สินค้าส่งออกร้อยละ 80 จากไทยไปเปรูจะลดภาษีเป็นศูนย์ทันที ส่วนสินค้าที่ไทยนำเข้าจากเปรูจะลดภาษีเป็นศูนย์ทันทีร้อยละ 90 ของสินค้าทั้งหมด ส่วนที่เหลือ ทั้งสองฝ่ายจะทยอยลดภายใน 17 ปี สินค้าส่งออกของไทยที่จะได้ประโยชน์ ได้แก่ ข้าว โทรทัศน์สี ลูกฟุตบอล แบตเตอรี่ ส่วนประกอบเครื่องทำความเย็น และชิ้นส่วนอุปกรณ์ยานยนต์ สิทธิประโยชน์ที่ไทยจะได้รับสำหรับการส่งออกข้าว คือ เปรูจะให้โควต้านำเข้าข้าวไทยเป็นพิเศษ ให้สิทธิทางภาษี และยกเว้นการใช้ price band ส่วนด้านบริการ ทั้งสองฝ่ายจะเปิดตลาดระหว่างกันตามข้อผูกพันกับองค์การการค้าโลก หรือ WTO โดยธุรกิจไทยที่มีโอกาสเติบโตได้ดีในเปรู ได้แก่ การบริการด้านการท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม สปา เป็นต้น; -
เวลา 16.15 น. พิธีต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐเปรูอย่างเป็นทางการ ณ สนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล; -
ในวันนี้ ได้มีการลงนามความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศทั้งสอง โดยเป็นการเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ชิลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตกลงการค้าเสรีดังกล่าวเป็นความตกลงที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวาง (Comprehensive Agreement) ฉบับแรกที่ประเทศไทยลงนามกับประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกา ความตกลงดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างทั้งสองประเทศ โดยสินค้านำเข้าจากไทยและชิลีอย่างน้อยร้อยละ 90 จะลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ทันทีที่ความตกลงมีผลบังคับใช้ ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าในหลายสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า วัสดุก่อสร้าง ยางพารา ข้าว และอัญมนี เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยยังสามารถเข้าไปลงทุนในสาขาการบริการในชิลีได้มากขึ้นอีกด้วย โดยเฉพาะ สปา ร้านอาหาร และการบริการด้านการท่องเที่ยว;
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.