@bie5637 : "7 คุณลักษณะความสำเร็จของ Albert Einstein" 1. เป็นคนใฝ่รู้ : ผมไม่ใช่คนที่มีความสามารถพิเศษอะไรเหนือกว่าคนอื่น ผมเป็นแค่เพียงคนธรรมดาที่มีความหลงใหลในการเรียนรู้มากเป็นพิเศษ 2. มีความพยายามเป็นเลิศ : ผมไม่ใช่คนฉลาดอะไรนักหรอก ผมแค่อยู่กับปัญหาได้นานกว่าผู้อื่นเท่านั้นเอง 3. เข้าใจและยอมรับในความผิดพลาด : คนที่ไม่เคยทำอะไรพลาด คือ คนที่ไม่ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ เลย 4. รู้จักสร้างมูลค่า : ความบ้างานไม่เคยสร้างมูลค่าให้งานของคุณ ความสำเร็จทั้งหมดเกิดขึ้นจากมูลค่าที่อยู่ในตัวมัน เพราะฉะนั้นคุณต้องหาวิธีสร้างมูลค่าให้กับงานที่ทำ 5. ประสบการณ์สำคัญที่สุด : ประสบการณ์จะสอนให้คุณได้เรียนรู้ ข้อมูลมากมายไม่ได้เรียกว่าความรู้ สิ่งเดียวที่เรียกว่าความรู้คือประสบการณ์ เพราะมันคือสิ่งที่ตกผลึกมาเรียบร้อยแล้ว 6. เรียนรู้กฏของเกมที่คุณจะเล่น : สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณขึ้นเป็น top 10% ในสายงาน คือ ความชำนาญ ..คุณต้องเรียนรู้กฏของเกมที่คุณจะเล่น แล้วหัดที่จะเล่นมันให้เหนือกว่าคนอื่น 7. ให้ความสำคัญกับจินตนาการ : จิตนาการมีพลังมากกว่าความรู้ เพราะจินตนาการสามารถพาคุณไปได้ทุกที่ และแน่นอนมันสามารถดึงดูดสิ่งที่คุณคิดให้เกิดขึ้นได้ด้วย (ถ้าคุณมุ่งมั่นที่จะสร้างมันให้มากพอ) ทุกคนทำได้ เชื่อปู่ณัฐวุฒิ!! โพสต์เมื่อ 8 ธ.ค. 2558 | 15:22 น. Instagram ดารา @bie5637 สวิช เพชรวิเศษศิริ ติดต่องาน0816664491 ถ้ามีใครแอบอ้าง เป็นผู้จัดการ..โปรดระวัง! แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกกรณี แชร์รูปภาพอินสตาแกรมนี้ของ บี๋ สวิช มี 104 คนชอบรูปนี้ รูปภาพอินสตาแกรมอื่นๆ ของ บี๋ สวิช ใครเรียน ?ใครทำงานอยู่? สู้ๆนะครับ!!; ; ซาลาเปาไส้หมูแดง tim ho wah; ถ้าเราไม่รู้ว่าเรือจะไปเข้าที่ท่าไหน?! ลมทิศไหนก็ไม่ช่วย!! ความชัดเจนในเป้าหมาย จะช่วยให้คุณก้าวได้ไวกว่าผู้อื่น คิด พูดและเขียนในสิ่งที่ต้องการอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งคุณคิดและพูดในสิ่งที่คุณต้องการ หรือสิ่งที่คุณอยากเป็นมากเท่าไร สิ่งๆ นั้นจะยิ่งเป็นจริงเร็วขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือการเขียน เพราะการเขียนมีความชัดเจนและสามารถวัดได้ ความเข้าใจในความปราถนาที่แท้จริงของตัวเอง เป็นกุญแจสำคัญในการเล็งเห็น สถานการณ์ที่เอื้ออำนวย และ "ดึง" โชคดีออกมาได้มากที่สุด ถ้าคุณไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร "โชค" ที่ไหนก็ไม่ช่วย!!!; ไม่ควรกินเกลือเกินวันละ2,300มิลลิกัม หรือเท่ากับเกลือ1ช้อนชาเท่านั้น!!; ไฟลนก้น!!; เห็นเค้ามีความสุข เราก็มีความสุขไปกะเค้า!!; เห็นบ่าวสาวเค้ามีความสุข เราก็สุขใจไปกะเค้าด้วย!!; งานแต่งที่ใดเป็นได้แค่ พิธีกร!!55; เด็กๆแฟน ละครสาวน้อยอ้อยควั่นมาแอบดูคุณปู่!; "ประคบร้อน" หรือ "ประคบเย็น" ใช้ให้ถูกนะคร้าบ!! การปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่เราเรียนกันมาตั้งแต่สมัยเป็นเด็ก มีเรื่องของ การประคบร้อน ประคบเย็น อยู่ด้วย ซึ่งเป็นวิธีปฐมพยาบาลที่ถูกนำมาใช้กันบ่อยที่สุด กับอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ แต่ใช้กันถูกต้องไหมคะ ว่าอันไหนต้องประคบร้อน อันไหนต้องประคบเย็น - ประคบเย็น เป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่สำคัญ และใช้ในกรณีเร่งด่วนมาก ต้องประคบเย็นเพื่อลดอาการบวม จากการชน กระแทก หยุดเลือดกำเดาไหล หรือแม้กระทั้งลดการปวดฟัน ด้วยการใช้ผ้าห่อน้ำแข็งแล้วนำมากดเบาๆ บริเวณที่เริ่มบวมประมาณ 5-10 นาที จนเริ่มยุบ ทริปเล็กๆน้อยๆที่คุณสามารถเตรียมเอาไว้เป็น First Aid ภายในบ้านได้ ก็คือให้นำถุงชาที่ใช้แล้วแช่ตู้เย็นเอาไว้ประคบเย็นแทนน้ำแข็งได้ เพราะชาจะมีฤทธิ์ช่วยลดอาการบวม อักเสบ ได้ด้วย หรืออาจหาถุงสำหรับใส่ของเย็นใส่น้ำแช่เย็นเอาไว้สำหรับการประคบเย็นก็ได้เหมือนกัน - ประคบร้อน การประคบร้อนเป็นการเยียวยาอาการอักเสบ เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำหลังจากประคบเย็นประมาณ 48 ชั่วโมง ก็ค่อยเริ่มประคบร้อนนานครั้งละประมาณ 20 นาที วันละ 2-3 ครั้ง ถุงน้ำร้อนที่ใช้ประคบร้อน ไม่ควรร้อนเกิน 45 องศา การประคบร้อนจะประคบเมื่ออาการอักเสบเริ่มน้อยลงแล้ว รู้ไว้ได้ประโยชน์แน่นอนค่ะสำหรับการปฐมพยาบาลโดยการประคบร้อน – เย็น เพราะทั้งอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ และอาการปวดเมื่อย ปวดประจำเดือน เลือดกำเดาไหล ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งกับตัวเราเองและกับคนรอบข้าง!...คราวนี้คงใช้กันได้ถูกต้อง ตามอาการนะครับ คุณปู่เป็นห่วงนะ!!; ยินดีกะคู่บ่าวสาวคุณกุ้งกะคุณพีด้วยนะครับ!!; Subaru concept ประตู ปีกนก!; T120classicจริงๆ; รู้หรือไม่....ผักเหล่านี้กินดิบไม่ดี เพราะอะไรมาดูกัน ! • ทานกะหล่ำปลีดิบมีพิษนะ ในกะหล่ำปลีดิบจะมีสารพิษที่เรียกว่า กอยโตรเจน (Goibrogen) ซึ่งเป็นสารที่จะไปกันไม่ให้ต่อมไทรอยด์จับไอโอดีน สร้างเป็น ฮอร์โมนไทร๊อกซิน (Thyroscine) ได้ ซึ่งผลที่เกิดขึ้นคือ จะทำให้เกิดเป็นโรคคอหอยพอก แต่สารพิษเหล่านี้จะถูกทำลายได้ โดยการต้ม จึงควรรับประทานกะหล่ำปลีสุก จะดีกว่ากะหล่ำปลีดิบ ความจริงก็คือถ้าคนๆนั้น มีสภาวะไทรอยด์ก็ควรงดเพราะโอกาสจะเพิ่มอาการ ส่วนคนปกติทานเป็นผักแกล้มกับน้ำพริก หรือลาบก็คงไม่มากเท่าไหร่ ยกเว้นทานเป็นกิโลๆ • ถั่วงอกดิบมีโทษ ในผักสดบางชนิดมีสารพิษที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ "ไฟเตต จะพบมากในพืชตระกูล ถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว หรืองา ดังนั้นในถั่วงอกดิบจึงมีไฟ เตตสูง ซึ่งเมื่อกินเข้าไปจะ ไปจับแร่ธาตุบางชนิดที่อยู่ในอาหาร ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมแร่ธาตุเหล่านั้นเข้าร่างกาย ร่างกายจะเป็นโรคขาดแร่ธาตุ สารพิษเหล่านี้สามารถทำลายได้โดยการต้ม แต่ถ้าปรุงให้สุกไฟเตตจะสลายไป หรือมีปริมาณน้อยลง โอกาสที่ไฟเตตจะไปดูดซับแร่ธาตุต่าง ๆ จึงน้อยกว่าการรับประทานดิบ ๆ " จึงควรรับประทานถั่วงอกสุขดีกว่าถั่วงอกดิบ แต่ในความเป็นจริงเราต้องรับประทานจำนวนมากจึงเกิดการขัดขวางการดูดซึม ถ้าจะทานดิบก็ควรทานในปริมานพอเหมาะค่ะ • หน่อไม้ หน่อไม้ดิบมีสารที่จะเปลี่ยนเป็นไซยาไนด์ ที่เป็นพิษได้ จึงต้องต้มในน้ำเดือดนานเกิน 10 นาทีจึงจะปลอดภัยสุดๆ เจ้าสารที่ว่าว่านี้ขื้นอยู่กับสายพันธุ์ของหน่อไม้ และสภาพการปลูก การบรรจุเตรียมขายด้วยค่ะ ในกรณีหน่อไม้ปี๊บต้องต้มฆ่าเชื้อก่อนปิดปี๊บอยู่แล้ว ก็ช่วยลดเจ้าสารพิษตัวนี้ไปได้มากๆ โดยปกติเรากินหน่อไม้ เราก็ต้องลวกก่อนอยู่แล้ว ลวกนานๆละกัน อีกเรื่องนึงก็คือโรคโบทูลิซึ่ม กล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นหนักๆก็ไม่มีแรงหายใจเองไม่ได้ ถ้าช่วยไม่ทันก็ถึงตายได้ ถ้าหน่อไม้ปีปนั้นไม่สะอาดจะแฝงเชื้อนี้มากับดิน • มันสำปะหลังดิบ รากของมันสำปะหลังดิบมีสาร limanarin ซึ่งสามารถย่อยเปลี่ยนรูป limanarin ได้สารไซยาไนด์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการหายใจระดับเซลล์ โดยยับยั้งการขนส่งอิเล็กตรอนในไมโตคอนเดรีย ทำให้เสียชีวิตได้ในเวลารวดเร็ว สารทั้งสองตัวจะถูกทำลายเมื่อนำมันสำปะหลังมาผ่านความร้อนทำให้สุกก่อนทานค่ะ • ถั่วฝักยาว ยิ่งเป็นถั่วฝักยาวดิบด้วยแล้วจะมีแก๊สค่อนข้างสูงโดยเฉพาะแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้ท้องอืด ไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาการย่อยและผู้สูงอายุค่ะ • ผักโขม ไม่ควรกินดิบเพราะกรดในผักโขมจะขัดขวางการดูดซึมของธาตุเหล็ก คือกรดที่ชื่อว่าออกเซลิค แอซิด; Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.