สวิช เพชรวิเศษศิริ
ติดต่องาน0816664491 ถ้ามีใครแอบอ้าง เป็นผู้จัดการ..โปรดระวัง! แจ้งความดำเนินคดีได้ทันที จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกกรณี
ของ บี๋ สวิช
มี 112 คนชอบรูปนี้
-
ความจริงเรื่อง "กระดูก" กระดูกเป็นโครงสร้างของร่างกายที่ให้กล้ามเนื้อมาเกาะเพื่อทำหน้าที่เคลื่อนไหวส่วนต่างๆ ของร่างกาย และยังป้องกันอวัยวะภายในไม่ให้บาดเจ็บ ตลอดจนเป็นที่ผลิตเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดขาวด้วย ในผู้ใหญ่มีกระดูก 206 ชิ้น กระดูกที่ยาวที่สุดและแข็งแรงที่สุดคือกระดูกต้นขา (Femur) กระดูกมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นได้ ด้วยมีองค์ประกอบหลัก 3 อย่าง คือ คอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีน ทำหน้าที่เป็นเส้นแกนโครงสร้างภายในที่มีความยืดหยุ่น โดยคอลลาเจนถูกยึดหุ้มด้วยแร่ธาตุ แคลซียม-ฟอสฟอรัส และธาตุอื่นเล็กน้อย ทำให้กระดูกแข็งและแข็งแรง และองค์ประกอบสุดท้ายคือเซลล์ของกระดูกที่ทำหน้าที่สร้างและสลายกระดูก บางคนไม่ทราบว่ากระดูกมีชีวิต ที่จริงแล้ว กระดูกเป็นเนื้อเยื่อที่กำลังเจริญ มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตลอดชีวิต มีการสลายกระดูกเก่าส่วนที่อ่อนแอออกไปและสร้างกระดูกใหม่ขึ้นแทนที่โดยเซลล์ของกระดูกในวัยเด็กและวัยรุ่นจะมีการสร้างกระดูกเร็วกว่าการสูญเสียกระดูก หลังจากเด็กและวัยรุ่นหยุดเพิ่มความสูงแล้ว (ประมาณอายุ 18 ปี) อัตราการสร้างกระดูกยังคงเพิ่มมากขึ้นกว่าการสูญเสียกระดูก จนกระทั่งกระดูกมีความหนาแน่นสมบูรณ์ (ประมาณอายุ 25 ปี) เรียกว่า มีมวลกระดูกสูงสุด (Peak bone mass) ถ้ากระดูกสมบูรณ์ มีมวลกระดูกมาก จะส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี อายุยืนยาว ถ้ามวลกระดูกมีน้อย จะมีความโน้มเอียงที่กระดูกจะแตกหักได้ง่าย หรือมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ได้ในอนาคต เมื่อถึงวัยสูงอายุ จะสูญเสียกระดูกมากกว่าการสร้าง หลังจากที่มีมวลกระดูกสูงสุด สมดุลของการสร้างและสลายของกระดูกจะคงที่ จนประมาณหลังวัย 40 ปี ทั้งชายและหญิง จะมีอัตราการสูญเสียกระดูกมากกว่าการสร้างกระดูก โดยจะเกิดขึ้นทีละเล็กละน้อยอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระดูกบางและอ่อนแอลง แต่ในหญิงหลังวัยหมดประจำเดือน ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็วมาก กระดูกจะสูญเสียเพิ่มขึ้น คือบางลงเร็วมาก หลังวัยหมดประจำเดือนประมาณ 5-7 ปี ผู้หญิงอาจสูญเสียมวลกระดูกได้ถึง 20% โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) เป็นโรคอันตรายที่เกิดขึ้นเมื่อมีการสูญเสียมวลกระดูกหรือมีการสร้างน้อย หรือทั้งสองประการ อันจะนำไปสู่กระดูกหัก ที่พบมากที่สุดประมาณ 50% ของกระดูกหักในผู้ใหญ่คือที่แขน ส่วนในเด็ก (ที่เป็นโรคกระดูกพรุน) คือที่ไหปลาร้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี จึงมีความจำเป็นที่ทุกคนต้องดูแล ป้องกันกระดูกก่อนที่จะสายเกินไป; -
ข้าวผัดน้ำพริกหนุ่ม!..ทำให้หายคิดถึงเชียงใหม่ได้บ้าง!!; -
อืม!; -
Merry x'mas 2015..มีความสุขมากๆนะครับทุกท่าน!!; -
☘วิธีคิดของ... "ผู้มีปัญญา" คนเราเกิดมา มี "ปัญญา" สูงต่ำไม่เท่ากัน มีโอกาสในการศึกษาไม่เท่ากัน .... แต่....... "ขงจื๊อ" เห็นว่าในชีวิตประจำวันคนเราสามารถค่อย ๆ สร้างสม พัฒนา "สติปัญญา" ให้ได้ด้วยตนเอง โดยการเปลี่ยนปรับวิธีคิดเสียใหม่ เลิกคิดปรุงแต่ง และคิดถึงเรื่องไร้สาระ และหันมาพิจารณาเฉพาะเรื่อง ที่เป็นประโยชน์แทน ดังนี้..... มนุษย์ที่แท้....... จะต้องพิจารณาอยู่เสมอว่า ทำอย่างไร เราจึงจะมองอะไรแล้วสามารถจะเห็น และเข้าใจสิ่งนั้น! อย่างทะลุปรุโปร่ง และ เมื่อได้ยินอะไรแล้ว ทำอย่างไรเราจึงจะฟังให้เข้าใจได้หมดซึ่งก็คือ การใช้สมาธิตั้งใจดู ตั้งใจฟัง นั่นเอง!.. ปัญหาของคนจำนวนมาก คือ ดู เห็น ฟัง แล้วเข้าใจไม่หมด ตีความผิด ตีความเข้าตนเอง เอาตนเองเป็นที่ตั้งอยู่ตลอด ถ้าแก้ไขจุดนี้ได้ เราก็จะมีฐานข้อมูล ที่ถูกต้องแม่นยำ ซึ่งต้องใช้ประกอบการคิด การตัดสินใจต่อไป · อย่า! คิดกังวลว่า ใครจะยอมรับยกย่องเราหรือไม่ แต่ให้เป็นกังวลมากๆ ว่า.... ขณะนี้! เรายังขาดคุณสมบัติข้อใด? ที่ทำให้ยังไม่เป็นที่ยกย่องของผู้คน และ...... อย่าเป็นกังวลว่า..... คนอื่นจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของเรา แต่ให้กังวลว่า..... ตัวเราจะไม่รู้จักนิสัยใจคอของคนอื่นดีกว่า จุดนี้คือ..... "ขงจื๊อ" ต้องการให้คนเราเน้น! การพิจารณา เข้าใจ และปรับปรุงตนเอง ในขณะที่แนวโน้มของคนโดยทั่วไปจะชอบ “ส่องนอก ไม่ส่องใน” และใช้เวลาไปกับการจับผิด วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นเสียมาก...... เวลาเห็นช่องทางได้ผลประโยชน์ ต้องคิดถึง ความยุติธรรม ด้วย "ขงจื๊อ" เห็นว่า..... มนุษย์เรามีแนวโน้มจะคิดแบบเห็นแก่ได้ และตัดสินใจ ผิดพลาด เมื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น! เพื่อจะไม่ทำผิดคุณธรรม คนเราต้องพิจารณาเรื่อง ความยุติธรรมอยู่เสมอๆ ความยุติธรรมที่ให้พิจารณาก็คือ หลักการง่าย ๆ ถ้าเราไม่ชอบอะไร รังเกียจอะไร ก็จงอย่าทำกับคนอื่นแบบนั้น คิดได้แค่นี้..... · นอกจากนี้ "ขงจื๊อ" ยังให้ข้อเตือนใจไว้ว่า...... เกิดมาเป็นมนุษย์ ต้องหัดคิดการณ์ไกล เพื่อจะได้ไม่ต้องหลงทาง นอกจากนี้ เวลาร่ำเรียนศึกษา ก็ต้องหัดคิดตาม เพราะคนที่ศึกษาหาข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่คิด ย่อมไม่ฉลาดมากนัก... ในทางตรงกันข้าม คนที่เอาแต่คิดวิเคราะห์สิ่งต่างๆ โดยไม่ชอบศึกษาหาข้อมูล ก็จะเป็นเพียงการคาดเดา หรือ speculation ย่อมจะคิดผิดพลาดได้ง่าย ๆ ดังนั้น คนเราต้องหัดฝึกฝน การคิดและการศึกษาหาข้อมูลไปพร้อม ๆ กัน .............ขงจื้อ;
-
Merry x'masและ สวัสดีปีใหม่ ขอบคุณผู้จัดมากฝีมือ พี่ลอดจ์ พี่นุช..dida! ที่มอบโอกาสให้บทละครดีๆ และไว้วางใจ ให้รับบทคุณ ณัฐวุฒิ ในสาวน้อยอ้อยควั่น จนเรตติ้งสูงถึง13.8..เสียดายไม่อยู่ ไม่เจอเลยส่งมอบกระเช้าให้ตัวแทนมารับไป!; -
ตามนี้ ลดหย่อนภาษี !; -
ระบบยุติธรรมแบบไทยๆ!; -
เศรษฐกิจดิจิตอล อี เพลย์เม้นท์...ใช้บัตรประชาชน มือถือ กระเป๋าอิเลคทรอนิคส์ ชำระเงิน โอนเงิน นอกจากเลขที่บัญชี!!; -
ลองทำในสิ่งที่ไม่ถนัดบ้าง!..เจ้าของสตาร์บัค!!..ที่ขายอยู่ทั้วโลก โดยเฉพาะเมืองไทยเยอะมากๆ เกือบเห็นทุกที่!!... อดีตเป็นคนขายเครื่องถ่ายเอกสาร!;
-
บางทีก็มีเรื่องให้ต้องคิด ใช้สติ มากขึ้น!!; -
King of off road!!; -
มอร์นิ่งครับ!!; -
กินน้ำผึ้งให้เป็นยา!!! น้ำผึ้ง อุดมไปคุณประโยชน์มากมาย แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่า น้ำผึ้งก็สามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้ด้วย บำรุงสุขภาพ น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน/ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า/ก่อนนอน- อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้/นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน ไอ หลอดลมอักเสบ มีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว 1/2 เกลือเล็กน้อย พิมเสนหรือการบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำขิงเข้มข้น 1/2 ถ้วย เกลือเล็กน้อย ดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร/ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน/ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ 1/2 ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1 แก้ว/โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะ ก่อนนอน เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน/เด็กแหวะนม น้ำผึ้ง 1/2 -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม/เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ/โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1 ถ้วย กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกมื้ออาหาร- ล้างแผลฝีหนอง แผลเรื้อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วน ชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่เย็นแล้วล้างให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล/แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผล ไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา (ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1/2 ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ 3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน/ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร เสียน้ำหรือเสียเลือด (10-20 %) น้ำ 1 ถ้วยแก้ว ผสมเกลือ 1/2ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ...ลองดูนะคร้าบเด็กๆ ทุกทุกคน!!; -
ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร? โจทย์ง่าย ๆ แค่นี้... แต่คิดให้ดีก่อนตอบ ก . 7 บาท ข . 2 บาท ค . 1 บาท ง . ไม่ต้องทอน (ขอเหตุผลด้วยนะถ้าตอบข้อนี้) เมื่อได้คำตอบแล้ว... ไปดูกันว่าคำตอบข้อไหนตรงกับคำตอบในใจคุณ ครูคนหนึ่งตั้งคำถามกับเด็กว่า... ถ้ามีเงินอยู่ 10 บาท ซื้อของ 3 บาท จะได้รับเงินทอนเท่าไร? เด็กส่วนใหญ่ตอบว่า 7 บาท แต่มีเด็ก 2 คนที่ตอบไม่เหมือนกับคนอื่น... คนหนึ่งตอบว่า 2 บาท อีกคนหนึ่งตอบว่า... ไม่ต้องทอน ครูถามเด็กคนแรกว่าทำไมถึงได้เงินทอน 2 บาท คำตอบที่ได้ก็คือภาพในใจของเขาสำหรับเงิน 10 บาท คือ เหรียญห้า 2 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ให้เหรียญห้า 1 เหรียญ ดังนั้น จึงได้เงินทอน 2 บาท ครูถามเด็กคนที่สองว่าทำไมไม่เหลือเงินทอนเลย คำตอบก็คือเด็กคนนี้คิดว่าในกระเป๋ามีเหรียญบาท 10 เหรียญ เมื่อซื้อของราคา 3 บาท เขาก็ส่งเหรียญบาทให้ 3 เหรียญ เพราะฉะนั้น คนขายจึงไม่ต้องทอนเงินให้เขา... โชคดีที่เป็นการถาม - ตอบในห้องเรียน ลองนึกดูสิครับว่าถ้าโจทย์นี้เป็นข้อสอบที่มีคำตอบ เป็น ก - ข - ค - ง เด็ก 2 คนนี้ก็คงไม่ได้คะแนน จากคำตอบที่ผิดเพี้ยนจากคนส่วนใหญ่... การสร้างโจทย์ที่ ' เสมือนจริง ' จินตนาการของ ' ครู ' อาจถูกจำกัดเพียงแค่ ' ตัวเลข ' แต่สำหรับเด็ก จินตนาการของเขาไร้กรอบ 10 บาท จึงสามารถเปลี่ยนเป็นเหรียญสิบ เหรียญห้า หรือเหรียญบาท เมืองไทยมีเหรียญ 2 บาท เราจึงได้คำตอบ เพิ่มอีก 1 คำตอบ คือ ได้เงินทอน 1 บาทด้วย โลกในห้องเรียนกับโลกของความเป็นจริงนั้นแตกต่างกัน โลกในห้องเรียน ทุกคำถามส่วนใหญ่มีเพียง 1 คำตอบ แต่โลกของความเป็นจริง... ทุกคำถามอาจมีคำตอบที่ถูกต้องได้เกิน 1 คำตอบ อย่าตัดสินความผิดของคนๆนั้น เพียงแค่คำตอบของเรา ^^ ----------------------------------------;
Instagram is a registered trademark of Instagram, inc.